รถไฟฟ้าแบตหมด ทำยังไง

ใครที่กำลังสนใจรถยนต์ MG EP และอยากรู้ว่วถ้า รถไฟฟ้าแบตหมด ทำยังไง ให้ลดความเร็วขับแบบความเร็วคงที่ประมาณไม่เกิน 60 กม./ชม. ระบบวิเคราะห์จะทำการแจ้งเตือนระยะที่เหลือพร้อมทั้งแจ้งเตือนและคำนวนระยะทางที่วิงได้ โดยจะมีการแจ้งเตือนระดับปริมาณของไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้และระยะทางที่เหลือ ควรนำรถเติมไฟฟ้าให้เร็วที่สุด แต่ถ้าในกรณีฉุกเฉินก็ให้ใช้ชุดชาร์จไฟฟ้า emergency charge mg ต่อเข้ากับปลั๊กไฟฟ้าอาคารโดยตรง ห้ามต่อเข้ากับอุปกรณ์ต่อพ่วงเด็จขาด แบตเตอรี่ขนาด 50.3 Kwh ให้วิ่งด้วยความเร็วต่ำเพื่อประหยัดพลังงานและใช้โหมด KERS ระดับ 3 หลังจากนั้นให้ทำการค้นหาสถานนีชาร์จที่ใกล้ที่สุด QUICK CHARGE 0% – 80% ประมาณ 40 นาที NORMAL CHARGE 0% – 100% ประมาณ 7 ชม. 15 นาที วิ่งด้วยไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุด 300 KM ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

รถไฟฟ้าแบตหมด แบตไม่พอจะต้องทำยังไงดี หากกรณีขับเพลินจนลืมดูว่าไฟฟ้าหมด สำหรับในรถรุ่น EP จะมีชุด Emergency Charge MG ติดไว้ในรถสามารถใช้ชาร์จแทนแบบฉุกเฉินได้ อาจจะไม่ถึงกับเต็มแต่ก็อาจจะช่วยให้เจ้ารถยนต์ของคุณได้ไปต่อเพื่อหาสถานีชาร์จ หรือถ้าไม่ทันทาง MG ก็มีบริการ 24 ชม.ไว้ดูแลลูกค้า แต่แนะนำว่าให้ทำการวางแผนการเดินทางเป็นระยะวิ่ง 100 – 200 กม. แวะพักชาร์จไฟฟ้าเป็นเวลา 15 – 20 นาที ก็จะได้ไฟไปเก็บในแบบเตอรี่ ชาร์จต่อครั้งไม่ถึง 200 บาท สเปคของรถรุ่น EP มอเตอร์ 120 Kw หรือ 163 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตันเมตร ขนาดแบต 50.3 Kwh ชาร์จเต็มวิ่งได้ 380 กม.

วิธีที่นิยมใช้กันก็ขับแบบความเร็วคงที่ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม.และใช้ KERS (Kinetics energy recovery system) คือ ระบบที่ใช้แปรงพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าขณะที่คุณทำการถอนคันเร่ง แบ่งออกเป็น 3 โหมด 1, 2, 3 ประโยชน์ช่วยลดตวามเร็วและเปลี่ยนพลังงานให้กลับมาเก็บในแบตเตอรี่ ซึ่งก็ช่วยได้เมื่อมีการถอนคันเร่ง รวมไปจนถึงกรณีขับลงทางลาดชันก็จะช่วยลดความเร็วและยังสามารถเพิ่มไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่หลักได้

• โหมด 1 Recover ระดับต่ำสุด
• โหมด 2 Recovery ระดับบานกลาง
• โหมด 3 Recovery ระดับสูงสุด

MG i-Smart เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการค้นหาสถานีชาร์จ หรือใช้แทนกระเป๋าตังดิจิตอลโดยการเติมเงินหรือตัดผ่านบัตรเครดิตในการใช้ตู้ชาร์จไฟฟ้าของ MG SUPER CHARGE โดยผู้จำหน่าย MG 100 แห่ง มีพร้อมให้บริการทั่วประเทศภายในเดือนธันวาคม 2563 และมีแผนที่จะขยายสถานี MG SUPER CHARGE เพิ่มอีก 500 แห่ง ภายในปี 2564 ในรัศมี 150 กม. ติดตั้งไว้หน้าโชว์รูม MG หรือจุดบริการอื่น ๆ ซึ่งเริ่มมีให้เห็นในหลาย ๆ จุดบริการ เช่น ปั้มน้ำมันบางจาก โดยกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 50 สถานี

รถยนต์รุ่นนี้ ถือได้ว่าเป็นรถครอบครับขนาดใหญ่ที่มาในราคาไม่แพง วิ่งได้ระยะทางมากเมือเทียบกับราคาที่จ่ายออกไป ศูนย์บริการ MG มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันมี 155 สาขาทั่วประเทศ และยังมีบริการฉุกเฉิน 24 ชม. ทำให้มั่นใจได้ว่าทาง MG มีความพร้อมให้บริการมากที่สุด เมื่อเทียบกับบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่น ๆ และทาง MG ก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 แล้วซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเสมอมา โดยทาง MG เองก็ได้นำรถไฟฟ้า EP เข้าสู่ตลาดเมืองไทยที่ราคาจับต้องได้ง่าย ใช้งานได้จริง ค่าดูแลรักษาต่ำมาก บำรุงรักษา 100,000 กม. หรือ 5 ปี ไม่ถึง 8,000 บาทเท่านั้นเอง

เครดิต: mgcars-auto